


ปฎิทินวัฒนธรรม
งานประเพณีโคมลมลอยฟ้า ผ้ามัดหมี่ย้อมคราม
จำนวนผู้ชม 1,698 ครั้ง

๒๒
ธ.ค. ๖๓
๒๕
ธ.ค. ๖๓

๒๒
ธ.ค. ๖๓
๒๕
ธ.ค. ๖๓
.jpg)
๒๒
ธ.ค. ๖๓
๒๕
ธ.ค. ๖๓

๒๒
ธ.ค. ๖๓
๒๕
ธ.ค. ๖๓


.jpg)

ประเพณีวัฒนธรรมอันเก่าแก่ของชาวอีสาน ที่มีการสืบทอดกันมานานจนกลายเป็นประเพณีท้องถิ่นไปแล้ว ชาวบ้านในท้องถิ่นนี้ยังคงถือปฏิบัติสืบเนื่องกันมาทุกๆ ปี ในช่วงเทศกาลวันออกพรรษาเดือน 11 คือ "ประเพณีปล่อยโคมลม และโคมไฟ” ชาวบ้านจะร่วมกันทำโคมลม และโคมไฟ ปล่อยขึ้นสู่ท้องฟ้า ทั้งในเวลากลางวัน และกลางคืน ด้วยคติความเชื่อของชุมชนที่ว่าการปล่อยโคมลม และโคมไฟนั้น เป็นการส่งเหล่าเทวดาอารักษ์กลับขึ้นสู่สวรรค์ หลังจากได้ทำหน้าที่ลงมาช่วยปกปักษ์รักษาชาวบ้านให้รอดพ้นปลอดภัย จากเหตุเภทภัยจากพวกปีศาจในช่วงเข้าพรรษา และเป็นการปล่อยทุกข์โศก สิ่งอัปมงคลทั้งหลาย ให้ลอยไปกับโคมด้วย
ความเชื่อของชุมชนชาวบ้านที่ว่าในช่วงการเข้าพรรษา พระสงฆ์ต้องจำพรรษาอยู่เฉพาะแต่ในวัด ไม่สามารถออกธุดงค์โปรดสัตว์ไปในที่ต่างๆ ได้ จึงเป็นโอกาสให้ภูตผีปีศาจออกมาสร้างเหตุเภทภัย ให้กับชาวบ้านเป็นประจำทุกปี เทวาอารักษ์ที่สถิตอยู่บนสวรรค์ จึงลงมาปกปักษ์รักษาชาวบ้านในช่วงเข้าพรรษา ดังนั้นเมื่อถึงช่วงออกพรรษาชาวบ้านจึงมีการปล่อยโคมลม และโคมไฟ เพื่อเป็นการส่งเหล่าเทวดาเหล่านั้นกลับคืนสู่สวรรค์
นอกจากคติความเชื่อดังกล่าวนี้แล้ว ชาวบ้านในสมัยโบราณยังได้ใช้ประโยชน์จากโคมลม และโคมไฟในแง่ของการสื่อสารอีกทางหนึ่งด้วย โดยชาวบ้านจะเขียนใบฎีกาบอกบุญต่างๆ เช่น การทำบุญบูรณะซ่อมแซมวัดที่ชำรุดทรุดโทรม หรือการทำบุญในเทศกาลต่างๆ ผูกติดกับโคมดังกล่าว แล้วก็ปล่อยให้ลอยขึ้นท้องฟ้า เมื่อโคมลม และโคมไฟดังกล่าวลอยไปตกที่ใด ข่าวการบอกบุญก็จะแพร่กระจายไปถึงที่นั้น ซึ่งก็ถือว่าเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นแขนงหนึ่ง เคยมีหลักฐานว่าโคมลม และโคมไฟ จากอ.พิบูลย์รักษ์ เคยลอยไปเป็นร้อยๆ กิโลเมตรไปตกที่ประเทศ สปป.ลาว และจังหวัดไกลๆ ส่วนความเป็นมาเป็นไปของประเพณีปล่อยโคมลม และโคมไฟ ที่อำเภอพิบูลย์รักษ์นั้น ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าประเพณีดังกล่าวมีมากันตั้งแต่เมื่อใด
ความเชื่อของชุมชนชาวบ้านที่ว่าในช่วงการเข้าพรรษา พระสงฆ์ต้องจำพรรษาอยู่เฉพาะแต่ในวัด ไม่สามารถออกธุดงค์โปรดสัตว์ไปในที่ต่างๆ ได้ จึงเป็นโอกาสให้ภูตผีปีศาจออกมาสร้างเหตุเภทภัย ให้กับชาวบ้านเป็นประจำทุกปี เทวาอารักษ์ที่สถิตอยู่บนสวรรค์ จึงลงมาปกปักษ์รักษาชาวบ้านในช่วงเข้าพรรษา ดังนั้นเมื่อถึงช่วงออกพรรษาชาวบ้านจึงมีการปล่อยโคมลม และโคมไฟ เพื่อเป็นการส่งเหล่าเทวดาเหล่านั้นกลับคืนสู่สวรรค์
นอกจากคติความเชื่อดังกล่าวนี้แล้ว ชาวบ้านในสมัยโบราณยังได้ใช้ประโยชน์จากโคมลม และโคมไฟในแง่ของการสื่อสารอีกทางหนึ่งด้วย โดยชาวบ้านจะเขียนใบฎีกาบอกบุญต่างๆ เช่น การทำบุญบูรณะซ่อมแซมวัดที่ชำรุดทรุดโทรม หรือการทำบุญในเทศกาลต่างๆ ผูกติดกับโคมดังกล่าว แล้วก็ปล่อยให้ลอยขึ้นท้องฟ้า เมื่อโคมลม และโคมไฟดังกล่าวลอยไปตกที่ใด ข่าวการบอกบุญก็จะแพร่กระจายไปถึงที่นั้น ซึ่งก็ถือว่าเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นแขนงหนึ่ง เคยมีหลักฐานว่าโคมลม และโคมไฟ จากอ.พิบูลย์รักษ์ เคยลอยไปเป็นร้อยๆ กิโลเมตรไปตกที่ประเทศ สปป.ลาว และจังหวัดไกลๆ ส่วนความเป็นมาเป็นไปของประเพณีปล่อยโคมลม และโคมไฟ ที่อำเภอพิบูลย์รักษ์นั้น ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าประเพณีดังกล่าวมีมากันตั้งแต่เมื่อใด
