


ปฎิทินวัฒนธรรม
งานประเพณีปรางค์กู่สวนแตง อำเภอบ้านใหม่ไชยพจน์ จังหวัดบุรีรัมย์
จำนวนผู้ชม 289 ครั้ง

๒๘
พ.ค. ๖๖
๒๙
พ.ค. ๖๖

๒๘
พ.ค. ๖๖
๒๙
พ.ค. ๖๖

๒๘
พ.ค. ๖๖
๒๙
พ.ค. ๖๖

๒๘
พ.ค. ๖๖
๒๙
พ.ค. ๖๖




“ปรางค์กู่สวนแตง” เป็นโบราณสถานพันปีสมบัติล้ำค่าของคนบ้านใหม่ไชยพจน์ ตั้งอยู่ ตำบลกู่สวนแตง
อำเภอบ้านใหม่ไชยพจน์ จังหวัดบุรีรัมย์ ลักษณะสำคัญ พระปรางค์องค์นี้เป็นปรางค์อิฐ 3 องค์ สร้างเป็นแนวเหนือใต้ ยาวเรียงกันสันนิษฐานว่า สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 เป็นศิลปะสมัยบาปวน นักโบราณคดีคาดว่าพระปรางค์องค์นี้มีอายุประมาณ 1,000 ปี ที่ปรางค์ประธานองค์กลางมีทับหลังเป็นรูปศิวะนาฏราชและเทพองค์อื่นเล่นดนตรีประกอบ เช่น พระนลตีกลอง พระพรมตีฉิ่ง พระอุมาถือไม้เท้าขาคน เป็นต้น
ส่วนทับหลังด้านอื่น ๆ สลักเป็นรูปเทวตำนานต่าง ๆ เช่น นารายณ์บรรทมสินธุ์ กุมารวตรา การกวนเกษียรสมุทร วามนาวตาร พระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ รูปเทวดาทับเหนือเกียรติมุข ฯลฯ ทับหลังบสงชิ้นจัดแสดงไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพิมาย จังหวัดนครราชสีมา
ปรางค์กู่สวนแตง เป็นสถานที่ประกอบศาสนกิจในศาสนาฮินดูตั้งแต่รัชสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2
แต่พอมาถึงรัชสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 พระองค์ทรงนับถือศาสนาพุทธนิกายมหายาน นิกายวัชรยาน
ปรางค์องค์นี้จึงเป็นที่ประกอบศาสนกิจในศาสนาพุทธแทนปรางค์กู่สวนแตงเป็นโบราณสถานที่ทรงคุณค่า
ทั้งทางประวัติศาสตร์ ศาสนาและศิลปวัฒนธรรม อย่างประเมินค่ามิได้โดยในทุก ๆ ปี ชาว อำเภอบ้านใหม่ไชยพจน์จะร่วมกันจัดงานประเพณีปรางค์กู่สวนแตงสืบทอดต่อกันมาเป็นประจำทุกปีจนถึงปัจจุบัน
คำว่า "กู่" เป็นภาษาอีสาน แปลว่า ปรางค์หรือปราสาท "กู่สวนแตง" ก็คือปราสาทซึ่งมีลักษณะเดียวกับปราสาทหินพนมรุ้ง และปราสาทเมืองต่ำ แต่เป็นปราสาทขนาดเล็ก ไม่มีโคปุระหรือประตูทางเข้า ไม่มีกำแพงแก้ว ไม่มีระเบียงคต เป็นปราสาทก่อด้วยอิฐ จำนวน 3 องค์ ตั้งเรียงกันเป็นแถวบนฐานศิลาแลงเดียวกัน โดยหันหน้าไปทางทิศตะวันออก ด้านหน้ามีบรรณาลัยก่อด้วยศิลาแลง 2 หลัง และสระน้ำโบราณ 1 สระ
กรมศิลปากรขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานครอบคลุมเนื้อที่ 5 ไร่ 2 งาน 42 ตารางวา
เมื่อเปรียบเทียบเรื่องราวที่แกะสลักบนทับหลัง สันนิษฐานว่า ปรางค์กู่สวนแตง สร้างขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 17 มีลักษณะคล้ายศิลปะเขมรแบบนครวัด ปรางค์กู่สวนแตง ตั้งอยู่ด้านทิศตะวันตกของโรงเรียน กู่สวนแตงพิทยาคม บ้านดงยาง ตำบลกู่สวนแตง อำเภอบ้านใหม่ไชยพจน์ จังหวัดบุรีรัมย์ คำขวัญ กู่สวนแตงเด่นสง่า ล้ำค่ากู่ฤๅษี ผ้าไหมมัดหมี่ ประเพณีบุญบั้งไฟ
ปรางค์กู่สวนแตงแห่งนี้ทางกรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน ตั้งแต่ วันที่
8 มีนาคม 2478 จนถึงปัจจุบัน (พ.ศ.2565) เป็นเวลา 87 ปี ปัจจุบันเป็นโบราณสถานที่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายว่าด้วยโบราณสถานโบราณวัตถุ และศิลปวัตถุเป็นอย่างดี อยู่ในเขตพื้นที่รับผิดชอบของสำนักงานศิลปากรที่ 10 จังหวัดนครราชสีมา
งานประเพณีบวงสรวงปรางค์กู่สวนแตง แรกเริ่มจัดขึ้นโดยชาวบ้านในชุมชนได้ประกอบพิธีบวงสรวงต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก่อนที่จะลงทำนา การจัดงานอิงอาศัยพระพุทธศาสนาในการประกอบพิธีทำบุญตักบาตรถวายภัตตาหารเช้า และต่อด้วยการประกอบพิธีบวงสรวงปรางค์กู่สวนแตง โดย “ตาจั้ม” เครื่องประกอบพิธีมีอาหารหวานคาว เหล้าไห และไก่ตัวเท่าที่ชาวบ้านจะหามาได้ ถึงเวลาที่กำหนดพราหมณ์ได้ประกอบพิธีอัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือเทพารักษ์มารับเครื่องสักการะบูชาก่อนที่จะดำเนินการจุดบั้งไฟเสี่ยงทาย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อขอให้ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล ข้าวกล้าอุดมสมบูรณ์ ต่อมาหน่วยงานภาครัฐได้เข้ามามีบทบาทในการดำเนินการจัดงานขึ้น ซึ่งได้งบประมาณการจัดของหน่วยงานภาครัฐของอำเภอพุทไธสง ในอดีตชาวบ้านในชุมชน
มีการจัดงานขึ้น 1 วัน คือมีแต่พิธีกรรมบวงสรวง ต่อมาทางภาครัฐเข้ามาบริหารจัดการจึงได้มีการจัดงานขึ้น 2 วัน เรียกว่า งานประเพณีบวงสรวงปรางค์กู่สวนแตง ได้มีการประกอบพิธีทางพระพุทธศาสนา และการประกอบพิธีบวงสรวงพร้อมด้วยมีการโยกย้ายมหรสพ และการละเล่นต่างๆ ของงานประเพณีบุญบั้งไฟเสี่ยงทายนำมาจัดขึ้นในงานประเพณีบวงสรวงปรางค์กู่สวนแตง
แหล่งอ้างอิง:
อำเภอบ้านใหม่ไชยพจน์ จังหวัดบุรีรัมย์ ลักษณะสำคัญ พระปรางค์องค์นี้เป็นปรางค์อิฐ 3 องค์ สร้างเป็นแนวเหนือใต้ ยาวเรียงกันสันนิษฐานว่า สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 เป็นศิลปะสมัยบาปวน นักโบราณคดีคาดว่าพระปรางค์องค์นี้มีอายุประมาณ 1,000 ปี ที่ปรางค์ประธานองค์กลางมีทับหลังเป็นรูปศิวะนาฏราชและเทพองค์อื่นเล่นดนตรีประกอบ เช่น พระนลตีกลอง พระพรมตีฉิ่ง พระอุมาถือไม้เท้าขาคน เป็นต้น
ส่วนทับหลังด้านอื่น ๆ สลักเป็นรูปเทวตำนานต่าง ๆ เช่น นารายณ์บรรทมสินธุ์ กุมารวตรา การกวนเกษียรสมุทร วามนาวตาร พระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ รูปเทวดาทับเหนือเกียรติมุข ฯลฯ ทับหลังบสงชิ้นจัดแสดงไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพิมาย จังหวัดนครราชสีมา
ปรางค์กู่สวนแตง เป็นสถานที่ประกอบศาสนกิจในศาสนาฮินดูตั้งแต่รัชสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2
แต่พอมาถึงรัชสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 พระองค์ทรงนับถือศาสนาพุทธนิกายมหายาน นิกายวัชรยาน
ปรางค์องค์นี้จึงเป็นที่ประกอบศาสนกิจในศาสนาพุทธแทนปรางค์กู่สวนแตงเป็นโบราณสถานที่ทรงคุณค่า
ทั้งทางประวัติศาสตร์ ศาสนาและศิลปวัฒนธรรม อย่างประเมินค่ามิได้โดยในทุก ๆ ปี ชาว อำเภอบ้านใหม่ไชยพจน์จะร่วมกันจัดงานประเพณีปรางค์กู่สวนแตงสืบทอดต่อกันมาเป็นประจำทุกปีจนถึงปัจจุบัน
คำว่า "กู่" เป็นภาษาอีสาน แปลว่า ปรางค์หรือปราสาท "กู่สวนแตง" ก็คือปราสาทซึ่งมีลักษณะเดียวกับปราสาทหินพนมรุ้ง และปราสาทเมืองต่ำ แต่เป็นปราสาทขนาดเล็ก ไม่มีโคปุระหรือประตูทางเข้า ไม่มีกำแพงแก้ว ไม่มีระเบียงคต เป็นปราสาทก่อด้วยอิฐ จำนวน 3 องค์ ตั้งเรียงกันเป็นแถวบนฐานศิลาแลงเดียวกัน โดยหันหน้าไปทางทิศตะวันออก ด้านหน้ามีบรรณาลัยก่อด้วยศิลาแลง 2 หลัง และสระน้ำโบราณ 1 สระ
กรมศิลปากรขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานครอบคลุมเนื้อที่ 5 ไร่ 2 งาน 42 ตารางวา
เมื่อเปรียบเทียบเรื่องราวที่แกะสลักบนทับหลัง สันนิษฐานว่า ปรางค์กู่สวนแตง สร้างขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 17 มีลักษณะคล้ายศิลปะเขมรแบบนครวัด ปรางค์กู่สวนแตง ตั้งอยู่ด้านทิศตะวันตกของโรงเรียน กู่สวนแตงพิทยาคม บ้านดงยาง ตำบลกู่สวนแตง อำเภอบ้านใหม่ไชยพจน์ จังหวัดบุรีรัมย์ คำขวัญ กู่สวนแตงเด่นสง่า ล้ำค่ากู่ฤๅษี ผ้าไหมมัดหมี่ ประเพณีบุญบั้งไฟ
ปรางค์กู่สวนแตงแห่งนี้ทางกรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน ตั้งแต่ วันที่
8 มีนาคม 2478 จนถึงปัจจุบัน (พ.ศ.2565) เป็นเวลา 87 ปี ปัจจุบันเป็นโบราณสถานที่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายว่าด้วยโบราณสถานโบราณวัตถุ และศิลปวัตถุเป็นอย่างดี อยู่ในเขตพื้นที่รับผิดชอบของสำนักงานศิลปากรที่ 10 จังหวัดนครราชสีมา
งานประเพณีบวงสรวงปรางค์กู่สวนแตง แรกเริ่มจัดขึ้นโดยชาวบ้านในชุมชนได้ประกอบพิธีบวงสรวงต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก่อนที่จะลงทำนา การจัดงานอิงอาศัยพระพุทธศาสนาในการประกอบพิธีทำบุญตักบาตรถวายภัตตาหารเช้า และต่อด้วยการประกอบพิธีบวงสรวงปรางค์กู่สวนแตง โดย “ตาจั้ม” เครื่องประกอบพิธีมีอาหารหวานคาว เหล้าไห และไก่ตัวเท่าที่ชาวบ้านจะหามาได้ ถึงเวลาที่กำหนดพราหมณ์ได้ประกอบพิธีอัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือเทพารักษ์มารับเครื่องสักการะบูชาก่อนที่จะดำเนินการจุดบั้งไฟเสี่ยงทาย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อขอให้ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล ข้าวกล้าอุดมสมบูรณ์ ต่อมาหน่วยงานภาครัฐได้เข้ามามีบทบาทในการดำเนินการจัดงานขึ้น ซึ่งได้งบประมาณการจัดของหน่วยงานภาครัฐของอำเภอพุทไธสง ในอดีตชาวบ้านในชุมชน
มีการจัดงานขึ้น 1 วัน คือมีแต่พิธีกรรมบวงสรวง ต่อมาทางภาครัฐเข้ามาบริหารจัดการจึงได้มีการจัดงานขึ้น 2 วัน เรียกว่า งานประเพณีบวงสรวงปรางค์กู่สวนแตง ได้มีการประกอบพิธีทางพระพุทธศาสนา และการประกอบพิธีบวงสรวงพร้อมด้วยมีการโยกย้ายมหรสพ และการละเล่นต่างๆ ของงานประเพณีบุญบั้งไฟเสี่ยงทายนำมาจัดขึ้นในงานประเพณีบวงสรวงปรางค์กู่สวนแตง
