


ปฎิทินวัฒนธรรม
รำบูชาพระธาตุพนม
จำนวนผู้ชม 380 ครั้ง

๒๑
ต.ค. ๖๔
๒๑
ต.ค. ๖๔

๒๑
ต.ค. ๖๔
๒๑
ต.ค. ๖๔

๒๑
ต.ค. ๖๔
๒๑
ต.ค. ๖๔

๒๑
ต.ค. ๖๔
๒๑
ต.ค. ๖๔

๒๑
ต.ค. ๖๔
๒๑
ต.ค. ๖๔





ประเพณีรำบวงสรวงพระธาตุพนม จ.นครพนม งานบุญยื่งใหญ่ของชาวนครพนม ที่จัดขึ้นเพื่อนมัสการพระธาตุพนม ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ของทุกปี โดยชาวพุทธจะถือศีลปฎิบัติธรรม และเวียนเทียนรอบพระธาตุพนม อีกทั้งมีการบวงสรวงหรือฟ้อนภูไท ถวายตามแบบประเพณ๊โบราณด้วย การฟ้อนบูชาพระธาตุพนม โดยมีทั้งหมด 6 ชุดการแสดง คือ 1.ฟ้อนตำนานพระธาตุพนม เป็นนางรำจาก อ.ธาตุพนม 2.ฟ้อนศรีโคตรบูร เป็นนางรำจาก อ.ปลาปาก อ.ศรีสงคราม 3.รำผู้ไทย หรือภูไท จากนางรำชาว อ.เรณูนคร อ.บ้านแพง 4.ฟ้อนหางนกยูง นางรำจาก อ.เมืองฯ อ.นาทม 5.รำไทญ้อ ซึ่งเป็นชนเผ่าญ้อ(ย้อ) ที่มีถิ่นอาศัยอยู่ใน อ.ท่าอุเทน นาหว้า และโพนสวรรค์ 6.รำหมากเบ็ง ของนางรำ อ.นาแก อ.วังยาง อันขันหมากเบ็งนี้เป็นเครื่องบูชาชนิดหนึ่งของภาคอีสาน คำว่า “เบ็ง” มาจาก “เบญจ” หมายถึงการบูชาพระเจ้า 5 พระองค์ คือ กกุสันโท,โกนาคมโน,กัสสโป,โคตโม และอริยเมตตรัยโย บรรพชนเล่าต่อๆกันว่าในสมัยพุทธกาล พระเจ้าปเสนทิโกศล ได้นำขันหมากเบ็งถวายพระพุทธเจ้า โดยต่อมาชาวชนเผ่ากะเลิงได้ใช้ขันหมากเบ็งบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามความคติเชื่อ ด้วยเหตุนี้จึงได้นำมาประดิษฐ์เป็นท่าฟ้อนรำเพื่อบูชาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ในการแสดงนี้จึงหมายถึงพญาทั้ง 5 แห่งอาณาจักรศรีโคตบูร ที่ได้นำขันหมากเบ็งมาถวายองค์พระธาตุพนม ทั้งนี้ เมื่อการฟ้อนรำทั้ง 6 ชุดสิ้นสุดลง ก็มีการเซิ้งอีสานเพื่อเป็นการอนุรักษ์การรำเซิ้งอีสาน โดยเอานางรำทั้ง 6 ชุด 8 ชนเผ่ามารวมกัน และเมื่อสิ้นสุดรำเซิ้งอีสานแล้วเหล่านางรำทั้งหมดจะพากันก้มกราบองค์พระธาตุพนม อันเป็นภาพที่สวยงามและประทับใจยิ่งนัก ซึ่งเป็นการจบอย่างยิ่งใหญ่อลังการที่สุด โดยการฟ้อนรำบูชาองค์พระธาตุพนม ถือกำเนิดมาตั้งแต่ก่อสร้างพระธาตุพนมในยุคแรก คือสมัยของพระมหากัสสปะเถระ และพญาทั้ง 5 แห่งอาณาจักรศรีโคตบูร กาลต่อมาได้ปรากฏเป็นบันทึกหลักฐานไว้ว่า มีการรำบูชาพระธาตุพนมเช่นเดียวกัน แต่ไม่ได้ทำติดต่อกันทุกปี ซึ่งการรำบูชาองค์พระธาตุพนมในอดีตนั้น สืบเนื่องจากพระธาตุพนมเป็นมหาเจดีย์เก่าแก่อายุกว่า 2,500 ปี สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง เป็นที่เคารพบูชาและศูนย์รวมจิตใจของชาวพุทธทั้งสองฝั่งโขงจนถึงปัจจุบัน ด้วยแรงศรัทธาปสาทะในองค์พระธาตุพนม อันมีอยู่ในสายเลือดของคนเหล่านั้น จึงผลักดันให้เกิดการเคารพบูชาในลักษณะต่างกัน ทั้งอามิสบูชา ปฏิบัติบูชา สำหรับอามิสบูชานั้น นอกจากบูชาด้วยดอกไม้ ธูป เทียน และถวายจตุปัจจัยไทยธรรมแล้ว ยังมีการบรรเลงพิณพาทย์ มโหรี ด้วยการฟ้อนรำในโอกาสอันควรด้วย โดยเชื่อว่าการแสดงออกเป็นกุศล เป็นความดีงามอย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นที่ยอมรับของสังคมในเวลาต่อมา
แหล่งอ้างอิง:
https://www.komkhaotuathai.com/contents/33568
