


ปฎิทินวัฒนธรรม
ประเพณีชักพระ สุราษฎร์ธานี
จำนวนผู้ชม 356 ครั้ง

o๑
ต.ค. ๖๖
๓o
พ.ย. ๖๖

o๑
ต.ค. ๖๖
๓o
พ.ย. ๖๖

o๑
ต.ค. ๖๖
๓o
พ.ย. ๖๖

o๑
ต.ค. ๖๖
๓o
พ.ย. ๖๖

o๑
ต.ค. ๖๖
๓o
พ.ย. ๖๖





ประเพณีชักพระ-ทอดผ้าป่า ของจังหวัดสุราษฎร์ธานี
ประเพณีชักพระ-ทอดผ้าป่า ของจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นประเพณีที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่อดีตซึ่งไม่มีหลักฐานยืนยันได้อย่างชัดเจนว่าเกิดขึ้นเมื่อใด เชื่อว่าเกิดขึ้นมายาวนานเนื่องด้วยพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี
เคยเป็นดินแดนที่มีความเจริญรุ่งเรืองมาตั้งแต่โบราณ มีหลักฐานให้เห็น ชัดเจนในสมัยอาณาจักรศรีวิชัย ซึ่งมีศูนย์กลางความเจริญของอาณาจักรศรีวิชัย คือที่ตั้งของ อำเภอไชยาในปัจจุบัน
การชักพระของชาวสุราษฎร์ธานี เป็นการสมมติและการสมโภช เฉลิมฉลองตามเหตุการณ์ในพุทธประวัติ โดยมีการอัญเชิญพระพุทธรูปเรียกว่า “พระลาก” ขึ้นประดิษฐานบนบุษบกหรือพนมพระ
ซึ่งจะตั้งอยู่บนพาหนะ ทำเป็นรูปเรือหรือพญานาคเรียกกันว่า “นมพระ” หรือ พนมพระ แต่ก่อนมีการแหนแห่ทางน้ำจึงมีการจัดทำ “เรือพระ” ขึ้น โดยการเอาเรือหลายลำมาเทียบเรียงขนาน ผูกติดกันเป็นแพขนาดใหญ่
ประดับตกแต่งอย่างปราสาทมณฑปวิจิตรงดงาม แห่แหนมีเครื่องดนตรีประโคมไปตามแม่น้ำลำคลอง เป็นที่สนุกสนานอย่างมาก
ประเพณีชักพระจังหวัดสุราษฎร์ธานีมีอยู่ ๒ ประเภท คือ การชักพระทางบก เป็นการอัญเชิญพระพุทธรูปยืน ขึ้นประดิษฐานบนบุษบกแล้วแห่โดยการลากไปตามถนนบนบก และการชักพระทางน้ำ
จะอัญเชิญพระพุทธรูปยืนขึ้นประดิษฐานบนบุษบกในเรือแล้วแห่โดยการลากไปทางน้ำ
การชักพระ เริ่มในตอนเช้าตรู่ของวันออกพรรษา แรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ และเริ่มชักพระเป็นวันแรก ประชาชนจะเดินทางไปวัด เพื่อนำภัตตาหารไปใส่บาตร หลังจากพระฉันภัตตาหารเสร็จแล้ว
ชาวบ้านจะนิมนต์พระภิกษุในวัดขึ้นนั่งประจำเรือพระ แล้วชาวบ้านจะช่วยกันลากเรือพระออกจากวัดตั้งแต่เช้าตรู่ ถ้าเป็นการชักพระทางน้ำ จะใช้เรือพายลาก ถ้าเป็นการชักพระทางบก จะใช้คนเดินลาก
ซึ่งก่อนถึงช่วงเวลาเพล เรือพระ ที่ลากจะมาถึงที่ชุมนุมเรือพระ ทั้งการชักพระทางบก และการชักพระทางน้ำ เพื่อให้ประชาชนถวายภัตตาหารแก่พระภิกษุ สามเณรเท่าที่จะทำได้ ทำให้ที่ชุมนุมเรือพระ
เป็นศูนย์รวมของประชาชนจำนวนมากที่มาร่วมงาน
แหล่งอ้างอิง:
ประเพณีชักพระ-ทอดผ้าป่า ของจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นประเพณีที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่อดีตซึ่งไม่มีหลักฐานยืนยันได้อย่างชัดเจนว่าเกิดขึ้นเมื่อใด เชื่อว่าเกิดขึ้นมายาวนานเนื่องด้วยพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี
เคยเป็นดินแดนที่มีความเจริญรุ่งเรืองมาตั้งแต่โบราณ มีหลักฐานให้เห็น ชัดเจนในสมัยอาณาจักรศรีวิชัย ซึ่งมีศูนย์กลางความเจริญของอาณาจักรศรีวิชัย คือที่ตั้งของ อำเภอไชยาในปัจจุบัน
การชักพระของชาวสุราษฎร์ธานี เป็นการสมมติและการสมโภช เฉลิมฉลองตามเหตุการณ์ในพุทธประวัติ โดยมีการอัญเชิญพระพุทธรูปเรียกว่า “พระลาก” ขึ้นประดิษฐานบนบุษบกหรือพนมพระ
ซึ่งจะตั้งอยู่บนพาหนะ ทำเป็นรูปเรือหรือพญานาคเรียกกันว่า “นมพระ” หรือ พนมพระ แต่ก่อนมีการแหนแห่ทางน้ำจึงมีการจัดทำ “เรือพระ” ขึ้น โดยการเอาเรือหลายลำมาเทียบเรียงขนาน ผูกติดกันเป็นแพขนาดใหญ่
ประดับตกแต่งอย่างปราสาทมณฑปวิจิตรงดงาม แห่แหนมีเครื่องดนตรีประโคมไปตามแม่น้ำลำคลอง เป็นที่สนุกสนานอย่างมาก
ประเพณีชักพระจังหวัดสุราษฎร์ธานีมีอยู่ ๒ ประเภท คือ การชักพระทางบก เป็นการอัญเชิญพระพุทธรูปยืน ขึ้นประดิษฐานบนบุษบกแล้วแห่โดยการลากไปตามถนนบนบก และการชักพระทางน้ำ
จะอัญเชิญพระพุทธรูปยืนขึ้นประดิษฐานบนบุษบกในเรือแล้วแห่โดยการลากไปทางน้ำ
การชักพระ เริ่มในตอนเช้าตรู่ของวันออกพรรษา แรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ และเริ่มชักพระเป็นวันแรก ประชาชนจะเดินทางไปวัด เพื่อนำภัตตาหารไปใส่บาตร หลังจากพระฉันภัตตาหารเสร็จแล้ว
ชาวบ้านจะนิมนต์พระภิกษุในวัดขึ้นนั่งประจำเรือพระ แล้วชาวบ้านจะช่วยกันลากเรือพระออกจากวัดตั้งแต่เช้าตรู่ ถ้าเป็นการชักพระทางน้ำ จะใช้เรือพายลาก ถ้าเป็นการชักพระทางบก จะใช้คนเดินลาก
ซึ่งก่อนถึงช่วงเวลาเพล เรือพระ ที่ลากจะมาถึงที่ชุมนุมเรือพระ ทั้งการชักพระทางบก และการชักพระทางน้ำ เพื่อให้ประชาชนถวายภัตตาหารแก่พระภิกษุ สามเณรเท่าที่จะทำได้ ทำให้ที่ชุมนุมเรือพระ
เป็นศูนย์รวมของประชาชนจำนวนมากที่มาร่วมงาน
