


ปฎิทินวัฒนธรรม
จุลกฐิน ถิ่นเมืองกาญจน์ ณ วัดแก่งหลวง
จำนวนผู้ชม 216 ครั้ง

๑๒
ธ.ค. ๖๖
๑๒
ธ.ค. ๖๖

๑๒
ธ.ค. ๖๖
๑๒
ธ.ค. ๖๖

๑๒
ธ.ค. ๖๖
๑๒
ธ.ค. ๖๖

๑๒
ธ.ค. ๖๖
๑๒
ธ.ค. ๖๖

๑๒
ธ.ค. ๖๖
๑๒
ธ.ค. ๖๖





จุลกฐิน คือ กฐินที่จัดทำผ้าไตรจีวรเพื่อเป็นผ้ากฐิน โดยเริ่มตั้งแต่การนำฝ้ายมาปั่น กรอ เป็นเส้นด้าย
แล้วทอเป็นผืนผ้า ตัดเย็บและย้อมสี และจัดเตรียมนำไปถวายในวันนั้น โดยใช้เวลาตั้งแต่ตะวันขึ้น
จนถึงตะวันตกดิน ดังนั้นโบราณจึงถือกันว่าการทำจุลกฐินมีอานิสงส์มาก เพราะต้องใช้ความอุตสาหะพยายามมากกว่ากฐินแบบธรรมดา (มหากฐิน) โดยจุลกฐินนี้ปัจจุบันมักจัดเป็นงานใหญ่ มีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก
จากหลักฐานพบว่ามีการทอดจุลกฐินมาแล้วตั้งแต่สมัยอยุธยาดังปรากฏในหนังสือคำให้การชาวกรุงเก่า หน้า ๒๖๘ ว่า
"ถึงวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ โปรดให้ทำจุลกฐิน" ปัจจุบันประเพณีการทำจุลกฐินนิยมทำกันในพื้นที่ชุมชน
ทางภาคเหนือและอีสาน โดยภาคอีสานจะเรียกกฐินชนิดนี้ว่า “กฐินแล่น” อานิสงส์จุลกฐิน การถวายผ้าจุลกฐิน
แด่พระสงฆ์ เป็นการถวายสังฆทานทางพระพุทธศาสนาอย่างหนึ่งนับเป็นมหากุศลอันยิ่งใหญ่ อีกทั้งเป็นการสะสม
เสบียงเดินทางอันกันดารในวัฏจักรสงสารไว้สำหรับตนเองและผู้ที่ตนเคารพรักและนับถือ นอกจากนี้
ยังเป็นเกราะ เป็นที่พึ่งอาศัยอันเกษม ในภายภาคหน้าจะได้เป็นผู้มั่งคั่งสมบูรณ์ เพิ่มพูนทรัพย์ จะส่งผลต่อบุตรธิดา
ภรรยาบ่าวไพร่ ให้เป็นคนว่านอนสอนง่าย ไม่มีโรคภัยไม่มีอันตรายแก่โภคทรัพย์ ทุกคนจะได้รับบุญบารมี
มีข้าทาสบริวาร มีเคหสถาน มีเสื้อผ้าอาภรณ์และมีทรัพย์สมบัติไม่ขัดสนในที่สุด สำหรับในจังหวัดกาญจนบุรีแต่เดิมไม่มีการปฏิบัติ ดังนั้น
จึงได้นำประเพณีจุลกฐินมาปฏิบัติเพื่อการอนุรักษ์ประเพณีดั้งเดิมและเป็นการสืบทอดพระพุทธศาสนา
โดยจุลกฐินวัดแก่งหลวง ตำบลเกาะสำโรง อำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี เป็นการเชิญชวนให้
พุทธศาสนิกชนได้ร่วมกันสืบสานประเพณีดังกล่าวไว้ให้คงอยู่คู่ชุมชน ซึ่งหาชมได้ยากในจังหวัดกาญจนบุรี
และเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนได้เป็นอย่างดี ซึ่งจุลกฐินนี้มักทำกันเมื่อจวนจะหมดเขตกฐินกาลแล้ว
หรือสิ้นสุดช่วงการทอดกฐิน ก่อนพิธีจุลกฐินจะมีการปลูกต้นฝ้าย ซึ่งใช้ระยะเวลาประมาณ ๓ - ๔ เดือน
จากนั้นนำไปตีให้ฟู และปั่นเป็นเส้นด้ายหรือเรียกว่าการเข็นฝ้าย โดยนำเส้นด้ายมาเปียให้เป็นไจ หรือเรียกว่า
เพื่อนำไปถวายแด่พระสงฆ์ในวันรุ่งขึ้น
โดยจุลกฐินของวัดแก่งหลวงนั้น ประกอบด้วย พิธีอัญเชิญพระอุปคุฑ พิธีบวชชีพราหมณ์
และสมาทานสัจจะในพระอุโบสถ พิธีเก็บดอกฝ้าย ขบวนแห่กลองยาว พิธีสามีจิกรรมและร่วมกันฉีกดอกฝ้าย
พิธีทอผ้ากฐิน พิธีประกวดเทพีดอกฝ้าย พิธีแห่ผ้าจุลกฐินและห่มผ้าพระประธานในพระอุโบสถ เป็นอันเสร็จพิธี
แหล่งอ้างอิง:
https://art-culture.cmu.ac.th/Lanna/articleDetail/2391
แล้วทอเป็นผืนผ้า ตัดเย็บและย้อมสี และจัดเตรียมนำไปถวายในวันนั้น โดยใช้เวลาตั้งแต่ตะวันขึ้น
จนถึงตะวันตกดิน ดังนั้นโบราณจึงถือกันว่าการทำจุลกฐินมีอานิสงส์มาก เพราะต้องใช้ความอุตสาหะพยายามมากกว่ากฐินแบบธรรมดา (มหากฐิน) โดยจุลกฐินนี้ปัจจุบันมักจัดเป็นงานใหญ่ มีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก
จากหลักฐานพบว่ามีการทอดจุลกฐินมาแล้วตั้งแต่สมัยอยุธยาดังปรากฏในหนังสือคำให้การชาวกรุงเก่า หน้า ๒๖๘ ว่า
"ถึงวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ โปรดให้ทำจุลกฐิน" ปัจจุบันประเพณีการทำจุลกฐินนิยมทำกันในพื้นที่ชุมชน
ทางภาคเหนือและอีสาน โดยภาคอีสานจะเรียกกฐินชนิดนี้ว่า “กฐินแล่น” อานิสงส์จุลกฐิน การถวายผ้าจุลกฐิน
แด่พระสงฆ์ เป็นการถวายสังฆทานทางพระพุทธศาสนาอย่างหนึ่งนับเป็นมหากุศลอันยิ่งใหญ่ อีกทั้งเป็นการสะสม
เสบียงเดินทางอันกันดารในวัฏจักรสงสารไว้สำหรับตนเองและผู้ที่ตนเคารพรักและนับถือ นอกจากนี้
ยังเป็นเกราะ เป็นที่พึ่งอาศัยอันเกษม ในภายภาคหน้าจะได้เป็นผู้มั่งคั่งสมบูรณ์ เพิ่มพูนทรัพย์ จะส่งผลต่อบุตรธิดา
ภรรยาบ่าวไพร่ ให้เป็นคนว่านอนสอนง่าย ไม่มีโรคภัยไม่มีอันตรายแก่โภคทรัพย์ ทุกคนจะได้รับบุญบารมี
มีข้าทาสบริวาร มีเคหสถาน มีเสื้อผ้าอาภรณ์และมีทรัพย์สมบัติไม่ขัดสนในที่สุด สำหรับในจังหวัดกาญจนบุรีแต่เดิมไม่มีการปฏิบัติ ดังนั้น
จึงได้นำประเพณีจุลกฐินมาปฏิบัติเพื่อการอนุรักษ์ประเพณีดั้งเดิมและเป็นการสืบทอดพระพุทธศาสนา
โดยจุลกฐินวัดแก่งหลวง ตำบลเกาะสำโรง อำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี เป็นการเชิญชวนให้
พุทธศาสนิกชนได้ร่วมกันสืบสานประเพณีดังกล่าวไว้ให้คงอยู่คู่ชุมชน ซึ่งหาชมได้ยากในจังหวัดกาญจนบุรี
และเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนได้เป็นอย่างดี ซึ่งจุลกฐินนี้มักทำกันเมื่อจวนจะหมดเขตกฐินกาลแล้ว
หรือสิ้นสุดช่วงการทอดกฐิน ก่อนพิธีจุลกฐินจะมีการปลูกต้นฝ้าย ซึ่งใช้ระยะเวลาประมาณ ๓ - ๔ เดือน
จากนั้นนำไปตีให้ฟู และปั่นเป็นเส้นด้ายหรือเรียกว่าการเข็นฝ้าย โดยนำเส้นด้ายมาเปียให้เป็นไจ หรือเรียกว่า
เพื่อนำไปถวายแด่พระสงฆ์ในวันรุ่งขึ้น
โดยจุลกฐินของวัดแก่งหลวงนั้น ประกอบด้วย พิธีอัญเชิญพระอุปคุฑ พิธีบวชชีพราหมณ์
และสมาทานสัจจะในพระอุโบสถ พิธีเก็บดอกฝ้าย ขบวนแห่กลองยาว พิธีสามีจิกรรมและร่วมกันฉีกดอกฝ้าย
พิธีทอผ้ากฐิน พิธีประกวดเทพีดอกฝ้าย พิธีแห่ผ้าจุลกฐินและห่มผ้าพระประธานในพระอุโบสถ เป็นอันเสร็จพิธี
