


ปฎิทินวัฒนธรรม
ประเพณีกวนข้าวทิพย์

o๓
มิ.ย. ๖๖
o๓
มิ.ย. ๖๖

o๓
มิ.ย. ๖๖
o๓
มิ.ย. ๖๖

o๓
มิ.ย. ๖๖
o๓
มิ.ย. ๖๖

o๓
มิ.ย. ๖๖
o๓
มิ.ย. ๖๖




พื้นที่ปฏิบัติ
วัดไพรสณฑ์รัตนาราม บ้านแม่สอด ตำบลคลองน้ำไหล อำเภอคลองลาน จังหวัดกำแพงเพชร
ประเพณีกวนข้าวทิพย์ เป็นประเพณีที่สืบเนื่องมาตั้งแต่สมัยพุทธกาลก่อนที่สัมมาสัมพุทธเจ้า จะตรัสรู้ โดยนางสุชาดา ธิดาของเศรษฐีหมู่บ้านเสนานิคม ได้นำอาหารซึ่งกวนด้วยข้าวมธุปายาส ไปบวงสรวงเทพยดาที่ใต้ต้นนิโครธ ในวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ได้พบพระพุทธองค์ ประทับอยู่ใต้ต้นนิโครธเข้าใจว่าเป็นเทพยดา จึงได้ข้าวมธุปายาสไปถวาย เมื่อพระพุทธองค์ทรงเสวยเสร็จแล้ว ได้ทรงนำถาดทองที่ใส่ข้าวมธุปายาสนั้นไปลอยน้ำ และทรงอธิฐานว่า ถ้าหากพระองค์จะได้ตรัสรู้ก็ขอให้ถาดทองนั้นลอยทวนน้ำขึ้นไป เมื่อพระองค์ทรงวางถาดลงในน้ำ ก็ปรากฏว่า ถาดทองลอยทวนน้ำขึ้นเหนือน้ำดัง คำอธิฐาน ซึ่งพระองค์ทรงถือว่าภัตตาหารมื้อนั้นได้มีส่วนทำให้พระองค์ได้สำเร็จและตรัสรู้อริยสัจ ๔ ได้
ประวัติความเป็นมา
ประเพณีกวนข้าวทิพย์วัดไพรสณฑ์รัตนาราม เกิดจากปฏิปทาในพระเดชพระคุณพระครูปัญญาสัตติคุณ (หลวงปู่หลาน) ได้ให้อุบายธรรมแก่แม่หลง แสนยศ เพื่อให้มีกิจกรรมแก่ประชาชนให้เกิดความสามัคคี และให้วัดเป็นศูนย์กลางแห่งการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ตามหลักคำสั่งสอนในพระพุทธองค์ จึงได้จัดประเพณีกวนข้าวทิพย์ขึ้นในปีพุทธศักราช ๒๕๒๕ ต่อมาเมื่อแม่หลง แสนยศ แม่ย้อย ทองเมือง และญาติธรรมอุบาสก อุบาสิกา อุปัฏฐาก อุปถัมภ์วัดไพรสณฑ์รัตนารามตั้งแต่แรกเริ่มของการก่อตั้งวัด ได้เสียชีวิตลงตามอายุ และกาลเวลาจึงได้มี นายยอด นางพงษ์ ศรีภุมมา นายอำนวย หอมรื่น นางหลวย บุญลอย และอุบาสก อุบาสิกาวัดไพรสณฑ์รัตนาราม เป็นรุ่นที่ ๒ ร่วมสืบสานและต่อยอดให้ประเพณีกวนข้าวทิพย์วัดไพรสณฑ์รัตนารามยังคงอยู่จนถึงปัจจุบันนี้ ประเพณีกวนข้าวทิพย์จะทำในเทศกาล วันวิสาขบูชา ถวายพระสงฆ์เพื่อเป็นการสักการบูชา ซึ่งถือเป็นสิริมงคลกับตนเองถ้ารับประทาน การกวนข้าวทิพย์ จะจัดกิจกรรมขึ้นภายในวัดเพื่อให้ประชาชนเกิดความสามัคคีโดยใช้วัดเป็นศูนย์กลางเพราะต้องอาศัยความสามัคคีจากชาวบ้านจึงจะสำเร็จลงได้
ลักษณะเฉพาะที่แสดงถึงอัตลักษณ์ของมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม โดยให้มีรายละเอียดครอบคลุมสาระ ดังต่อไปนี้
ประเพณีกวนข้าวทิพย์เป็นพิธีที่มีความยุ่งยากสลับซับซ้อนมาก ต้องมีการตระเตรียมข้าวของต่างๆ จำนวนมากอาทิ นม เนย ข้าวตอก น้ำนม น้ำอ้อย น้ำผึ้ง มะพร้าว งา ถั่วต่างๆแต่สิ่งของเครื่องปรุงข้าวทิพย์ได้เลือกคงไว้ ๙ สิ่ง คือ ถั่ว , งา , นม , น้ำตาล , น้ำผึ้ง , น้ำอ้อย เนย และน้ำนมที่คั้นจากรวงข้าวและยังคงรักษารูปเดิมไว้โดยมี พราหมณ์เข้าพิธีมีสาวพรหมจารีซึ่งจะพิถีพิถันคัดเลือกจากหญิงสาว ที่ยังไม่มีดอกไม้ (ระดู) ด้วยต้องการบริสุทธิ์สำหรับสาว พรหมจารีที่จะเข้าร่วมพิธีต้องสมาทานศีล ๘ และต้องถือ ปฏิบัติตามองค์ศีล อย่างมั่นคง แม้ที่พักก็จัดให้อยู่ส่วนหนึ่ง จนกระทั่งถึงเวลาถวายข้าวทิพย์แก่ พระสงฆ์ในตอนเช้าจึง จะหมดหน้าที่วัตถุที่กวน ได้แก่ น้ำนมโคสด (ปัจจุบันใช้นมข้นหวานแทน) น้ำผึ้ง น้ำอ้อย ชะเอมเทศ น้ำตาลกรวด น้ำตาลหม้อ ข้าวตอก ข้าวเม่า ธัญพืชต่างๆ ที่คั่วสุก ถั่ว งา ลูกเดือย เมล็ดแตง เผือกมัน เมล็ดบัว มะพร้าวแก่ มะพร้าวอ่อน ผลไม้สด ผลไม้แห้งเช่น มะม่วง กล้วย ทุเรียน ละมุด ลำไย ส้ม ขนุน เป็นต้น ทั้งนี้แล้วแต่ความเหมาะสมเท่าที่ จะหาได้หรือปรับปรุงให้มีรสชาติหอมหวานอร่อย ตามความต้องการของผู้กวนในแต่ละท้องถิ่น บางท้องที่อาจใช้ผลไม้ชนิดต่างๆ ที่มีการจัดเตรียมการในพิธีกวนข้าวทิพย์ต้องจัดเตรียมสิ่งสำคัญดังนี้
ต้องปลูกโรงพิธีขึ้น ๑ หลัง ให้กว้างใหญ่พอสมควร เพื่อตั้งโต๊ะบูชาพระพุทธรูป อาสน์สงฆ์ โต๊ะบูชาเทวรูป และที่ซึ่งผู้เข้าร่วมพิธี คือ เทพยดา นางฟ้า สาวพรหมจารี และทายก ทายิกา ฯลฯ นั่งฟังพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ และก่อเตาตั้งกะทะกวนภายในโรงพิธี จัดหาพายสำหรับกวนกะทะละ ๓ เล่ม จัดหาฟืนให้เพียงพอและตากให้แห้งสนิท โรงพิธีทาสีขาว เครื่องประดับตกแต่งควรใช้เครื่องขาว ตั้งราชวัฏ ฉัตร ธง ผูกต้นกล้วย อ้อย ทั้ง ๔ มุม ศาสนพิธี
จัดโต๊ะบูชาพิธีเจริญพระพุทธมนต์ พระพุทธรูปหันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก หรือทิศเหนือ ถ้าสถานที่ไม่อำนวย มีไม้มหาโพธิ์ใส่กระถางตั้งไว้ด้านหลังพระพุทธรูป ส่วนประกอบอื่นเหมือนการจัดตั้งโต๊ะหมู่บูชาทั่วไป
ช่วงเวลาจัดงาน
วันวิสาขบูชา ของทุกปี โดยชาวบ้านจะทำพิธีกวนข้าวทิพย์ หรือข้าวมธุปายาธจนเป็นประเพณี ที่สืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน
การแต่งกาย
- นางฟ้า ควรเลือกสตรีสาวรูปงาม นุ่งผ้าจีบ ห่มสไบเฉียง สวมมงกุฎ
- ผู้ร่วมพิธีแต่งชุดขาว และสะดวกต่อการกราบพระและรับศีล
แต่จะพบว่าปัจจุบัน ความเคร่งครัดในเรื่องการแต่งกายได้ลดน้อยลง เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจ ผู้เข้าร่วมพิธีจึงแต่งกายสวยงามตามสมัยนิยมแทนก็มี
อุปกรณ์ในการกวนข้าวทิพย์ ประกอบด้วย
๑. เตาความสูงประมาณ ๒ ฟุต
๒. กระทะใบบัว
๓. พายไม้
อุปกรณ์ในการปรุง ประกอบด้วย
๑. ข้าว ใช้แป้งข้าวเหนียว และแป้งข้าวเจ้า
๒. ถั่วลิสง
๓. งาดำ งาขาว
๔. น้ำผึ้ง
๕. น้ำตาลทราย
๖. นมข้นหวาน
๗. มะพร้าว คนเอาแต่กะทิ
๘. เนย
ส่วนผสมที่ต้องเตรียมก่อนวันประกอบพิธีในกวนข้าวทิพย์
๑. ถั่วลิสง คั่วให้เหลือง มีกลิ่นหอม หลังจากนั้นนำมาทำการกะเทาะเปลือกทิ้ง นําไปเข้าเครื่องบด
๒. งาขาว และงาดำ คั่วให้เหลือง มีกลิ่นหอม ทิ้งไว้ให้เย็นนําไปใส่ครกตําให้ละเอียด
๓. มะพร้าว นําไปปลอกเปลือกกะเทาะกะลาทิ้ง เอาแต่เนื้อมะพร้าว จะนํามาใส่เครื่องขูดมะพร้าว ในตอนเช้ามืดของวันที่จะประกอบพิธีเพื่อให้ได้กะทิสดมีกลิ่นหอม
เครื่องปรุงที่เป็นส่วนประกอบดังกล่าวข้างต้น นําใส่หม้อปิดฝาให้เรียบร้อย เตรียมที่จะประกอบพิธีกวนในวันรุ่งขึ้น (วันขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๖)
ขั้นตอนการดำเนินการกวนข้าวทิพย์
ช่วงเช้าชาวบ้านมาร่วมทำบุญตักบาตรที่ศาลาวัด หลังจากนั้นจึงมาเริ่มพิธีกวนข้าวทิพย์ โดยมีรายละเอียดขั้นตอนดังนี้
๑. นําเครื่องปรุงเตรียมไว้ทุกอย่างเทใส่กระทะใบบัวคนให้เข้ากัน ไม่มีสูตรในการกำหนดอัตราส่วนของเครื่องที่แน่นอน จำนวนข้าวทิพย์จะมากน้อยขึ้นอยู่กับวัตถุดิบที่มี ดังนั้น รสชาติในแต่ละปีจะไม่เหมือนกัน
๒. ก่อนเริ่มกวนข้าวทิพย์พระสงฆ์จะประกอบพิธีกรรมทางศาสนา โดยพระสงฆ์จะเป็นผู้ทําพิธีบูชาพระรัตนตรัยจากนั้นสวดเจริญพระพุทธมนต์ธัมมจักรกัปปวัตนสูตร
๓. สาวพรหมจรรย์ จำนวน ๔ - ๕ คนนุ่งขาวห่มขาว เริ่มกวนข้าวทิพย์ เมื่อพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์จบนักเรียนก็จะเปลี่ยนให้ประชาชนที่มาร่วมกิจกรรมเป็นผู้กวนต่อไปจนกว่าจะเสร็จ ใช้เวลากวนประมาณ ๓ ชั่วโมงเมื่อเสร็จแล้ว ก็จะแบ่งปันข้าวทิพย์หรือข้าวมธุปายาส ไปรับประทาน ถือว่าเป็นของดีก่อให้เกิดความเป็นสิริมงคลแก่ตน และนําไปฝากบุคคลในครอบครัว หรือผู้ทที่ตนเคารพนับถือ ก่อนกลับบ้านทุกคนช่วยกันเก็บอุปกรณ์ล้างทำความสะอาด จัดเก็บสถานที่ให้เรียบร้อย ซึ่งสะท้อนให้เห็นความรักความสามัคคีในหมู่คณะชาวบ้าน ซึ่งน่าจะต้องร่วมกันอนุรักษ์สืบทอดประเพณีอันทรงคุณค่าอยู่คู่กับชาวลานกระบือสืบไป
